วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555

ความหมายของการฝังเหล็กไหล

ความหมายของการฝังเหล็กไหล

ฝังเหล็กไหล
ฝังเหล็กไหล
เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่หาได้ยากจึงทำให้เหล็กไหลแต่ละชิ้นมีราคาสูง เมื่อเป็นเช่นนี้มนุษยในทุกยุคจึงได้พยายามคิดค้นวิธีการเก็บรักษาเหล็กไหลให้อยู่กับตัวให้ดีที่สุดและยาวนานที่สุดไม่ว่าจะเป็นการเลี่ยมห้อยคอใส่ผ้าประเจียดรัดแขน หรือทำเป็นสร้อยคอ แต่วิธีการต่างๆเหล่านี้ก็ยังมีข้อจำกัด เนื่องจากนักรบในสมัยโบราณที่ต้องการใช้เหล็กไหลเข้าทำศึกในลักษณะที่ประชิดตัวนั้นอาจทำให้ผ้าประเจียดหรือสร้อยคอที่นำเหล็กไหลไปใส่ไว้เกิดสูญหายหรือหล่นหาย ไปในขณะที่กำลังรบได้จึงเป็นที่มาของวิชาหนึ่งที่นำเอาธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้มาบรรจุไว้ในร่างกายของมนุษย์ซึ่งเรียกว่า"วิชาการฝังเหล็กไหล" การฝังแร่เหล็กไหลจึงหมายถึงการนำธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล มาฝังลงในร่างกายในตำแหน่งที่สามารถค้นหาเหล็กไหลได้ยาก เช่น บริเวณท้องแขนหัวไหล่หรือต้นคอ เป็นต้นซึ่งเป็นตำแหน่งที่จะสังเกตเห็นแร่เหล็กไหลได้ยาก เมื่อเก็บเหล็กไหลไว้ในตำแหน่งเหล่านี้ก็จะทำให้เหล็กไหลอยู่ติดตัวผู้เป็นเจ้าของเหล็กไหลนั้นตลอดเวลา โดยที่ผู้อื่นหรือคู่ต่อสู้จะไม่สามารถพบเห็นได้ว่าผู้นั้นมีเหล็กไหลพกติดตัวอยู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นการศึกสงครามหรือตกเป็นเชลยข้าศึกก็จะไม่สามารถพบเห็นแร่เหล็กไหลเหล่านี้ได้เลย

วิชาการฝังเหล็กไหลในตัวนี้ นับเป็นวิชาโบราณขนานแท้วิชา หนึ่งจากหลักฐานความเชื่อเกี่ยวกับการฝังของลงในร่างกายนั้น พบว่ามีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาและเป็นวิชาที่ใช้ร่วมกับการสักยันต์ สำหรับ ของที่ใช้ฝังนั้น หากหาเหล็กไหลไม่ได้ก็นิยมฝังแก้วชนิดต่างๆ ที่เชื่อว่า มีฤทธิ์ เช่น เพชร ทับทิม หรือฝังตะกรุด ฝังเข็มทอง แต่ที่ได้รับความนิยมว่ายอดที่สุดคือเหล็กไหล เนื่องจากมีอานุภาพคุ้มครองป้องกันได้ทุกอย่างรวมทั้งยังสามารถทำลายอาถรรพณ์ของฝ่ายตรงข้ามได้อีกด้วย แม้ว่าการนำเอาพลังอำนาจจากเหล็กไหลมาใช้จะสามารถ ทำได้หลายวิธีด้วยกันแต่วิธีที่ได้รับความนิยมและเชื่อถือกันมากที่สุดคือ การนำเหล็กไหลมาฝังไว้กับตัว ซึ่งจุดประสงค์ของการฝังเหล็กไหลไว้ภายในร่างกายนั้นก็เนื่องมาจากความเชื่อที่ว่า

1. การฝังเหล็กไหลไว้ภายในตัวจะทำให้เหล็กไหลไม่หนีหาย ไปไหน เพราะโดยปกติเหล็กไหลจะสามารถล่องหนหายตัวไปยังที่ต่างๆได้ ซึ่งหากเหล็กไหลไม่ต้องการที่จะอยู่ด้วยแล้ว แม้ว่าจะเก็บรักษา เหล็กไหลไว้เป็นอย่างดี แต่เหล็กไหลก็ยังจะสามารถหนีหายไปได้ ดังนั้นจึงต้องหาวิธีที่จะทำให้เหล็กไหลไม่หนีหายไปไหน และวิธีการที่นิยมมากที่สุดก็คือการฝังเหล็กไหลไว้ในร่างกายซึ่งสามารถมั่นใจได้ว่าเหล็กไหลจะอยู่กับคนผู้นั้นไปชั่วชีวิต นอกจากนี้ยังเชื่อว่าอำนาจจากเหล็กไหลที่ฝังอยู่ในร่างกายจะทำให้ผู้นั้นคงกระพันเป็นมหาอุด ทนต่อศาสตราวุธอีกทั้งยังมีพลังที่ทำให้ดูเป็นหนุ่มสาวอีกด้วย

เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มีญาณหยั่งรู้เหล็กไหลจึงรู้ชะตาของผู้ที่ฝังเหล็กไหลไว้ในร่างกายได้ล่วงหน้าว่าธาตุขันธ์ของผู้นั้นใกล้จะถึงกาลแตกดับแล้ว ซึ่งหากผู้นั้นใกล้ที่จะหมดอายุขัยเหล็กไหลที่ฝังอยู่ในร่างกายก็จะหนีหายไปทันทีที่เหล็กไหลออกจากกายของคนผู้นั้นจะสามารถทราบได้ในทันทีเพราะจะมีความรู้สึกว่าพลังร่างกายบางส่วนได้ขาดหายไปในช่วงนี้ผู้ที่รู้ก็จะเร่งบำเพ็ญเพียรภาวนา และประกอบแต่กุศลกรรมเพื่อที่ตายไปจะได้ใปสู่ภพภูมิที่ดี

2. การฝังเหล็กไหลไว้ภายในตัวจะทำให้เหล็กไหลสามารถ สำแดงอานุภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นความเชื่อในลักษณะเดียวกันกับการใช้ว่านที่ว่าว่านจะมีอิทธิฤทธิ้มากที่สุดก็ต่อเมื่อเคี้ยว กินเข้าไปหรือทำให้นั้ายาว่านเข้าไปในตัวการใช้เหล็กไหลก็เช่นกัน หากต้องการให้เหล็กไหลแผ่พลังอำนาจอย่างสมบูรณ์ก็ต้องให้เหล็กไหลสัมผัสถูกต้องเนื้อตัวอยู่ตลอดเวลา รังสีจากแร่เหล็กไหล จึงจะสามารถแสดงศักยภาพออกมาอย่างสมบูรณ์ที่สุด และร่างกายของคนผู้นั้นก็จะสามารถรับพลังงานจากเหล็กไหลได้อย่างเต็มที่เช่นกัน การฝังเหล็กไหลจะส่งผลให้เหล็กไหลมีปฏิกิริยากับผิวหนัง และเลือดเนื้อภายในตัวของผู้ที่ฝังเสมือนว่าเหล็กไหลกับตัวผู้นั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าผู้นั้นจะรู้สึกอย่างไรเหล็กไหลก็จะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอย่างนั้นด้วย เหล็กไหลจะสามารถรับรู้ได้ด้วยญาณทัสนะอย่างแจ่มชัดเป็นผลให้เหล็กไหลส่งพลังป้องกันตัวเองออกมาอย่างเต็มที่หรือแม้ในยามที่ผู้นั้นรู้สึกร้อนหนาวเหล็กไหลก็จะรับรู้และจะทำ การปรับอุณหภูมิในตัวผู้นั้นให้พอดีเพื่อขจัดความร้อนหนาวให้สิ้นไปได้


3. การฝังเหล็กไหลไว้ในร่างกายเป็นการอำพรางทำให้ผู้อื่น ไม่เห็นของดีในตัวเรา ถือเป็นการซ่อนอาวุธลับไม่ให้ศัตรูได้ว่าเรามี ของดีอะไร เพราะหากศัตรูรู้ได้ว่าเรามีเหล็กไหลเขาก็อาจเรียกเอาเหล็กไหลไปได้ด้วยคาถาอาคม ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นรู้ได้ว่า เรามีของดีอยู่กับตัว จึงต้องทำการฝังของดีนั้นไว้ในร่างกายซึ่งนับว่าปลอดภัยที่สุด

3 ความคิดเห็น: