การดึงพลังงานจากแร่เหล็กไหลมาใช้ในด้านอภิญญา
เหมาะสำหรับผู้ที่ฝึกมาแบบอานาปานุสสติและการเดินลมปราณจักร
ในทีนี้จะใช้เฉพาะเหล็กไหลเท่านั้น เพราะถือว่าเป็นแร่ที่มีอานุภาพมากที่สุด การดูดพลังงานจากเหล็กไหลมาใช้นี้ สามารถทำได้ง่ายๆ แค่อุปจารสมธิก็ทำได้แล้วโดยอย่างแรกผู้ที่ทำการดูดพลังจากเหล็กไหลจะต้องฝึกสมาธิแบบอานาปานุสสติหรือแบบเดินลมปราณมาก่อน จึงจะสามารถดูดพลังได้โดยง่ายปกติร่างกายมนุษย์จะเป็นตัวดูดพลังงานรอบตัวมาใช้อยู่แล้ว เช่น การหายใจ
แต่การฝึกสมาธิแบบอานาปานุสสติหรือแบบเดินลมปราณ จะทำให้เราสามารถดูดพลังงานทางผิวหนังมาใช้ได้ ซึ่งเป็นพลังงานที่ละเอียดกว่ามาก โดยจุดที่รับพลังงานได้ดีจะอยู่ที่ ปลายนิ้ว ฝ่ามือ ฝ่าเท้า จุดกลางหน้าผาก ณ ที่นี้จะเน้นเฉพาะ จุดรับพลังงานทางฝ่ามือ เพราะเป็นจุดที่รับและปล่อยพลังได้ง่ายที่สุด ส่วนจุดที่กลางหน้าผาก
โดยส่วนมากจะเป็นจุดที่ไว้ใช้สำหรับรับข้อมูล การสื่อสาร การติดต่อต่างๆ เช่นโทรจิต การควบคุมสมองระยะไกล ซึ่งเกี่ยวข้องกับพลังจิตระดับการสั่งการ เพราะถือว่าเป็นจุดที่ใกล้สมอง
เพื่อให้สมองได้ทำการแปลสัญญาณที่ได้รับมาและ เกิดการกระทำตอบกลับได้อย่างฉับพลันเป็นที่ทราบกันดีว่า พลังที่สามารถดูดซับจากรอบตัวมาได้นั้น เมื่อใช้ไปแล้วก็ต้องหมดไป จึงต้องมีการดูดซับซับเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อสะสมไว้ใช้เหมือนกับการรองน้ำให้เต็มอยู่เสมอ เพราะถ้าหากพลังงานหมดย่อมส่งผลทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย หรืออย่างหนักคือถึงขั้นเสียชีวิตได้พลังงานจากเหล็กไหลจึงเป็นพลังงานที่มีความเสถียรมากที่สุดเพราะ ไม่มีวันหมด สามารถดูดพลังมาใช้ได้เรื่อยๆ
โดยตัวเหล็กไหลเองเมื่อถูกดึงพลังงานไปก็จะสร้างพลังงานเพิ่มขึ้นเองได้เรื่อยๆ ตรงกันข้ามคือเหล็กไหลจะมีพลังงานมากกว่าเดิม เพราะเหมือนเป็นการไปกระตุ้นให้เหล็กไหลเกิดการแตกตัว คือแตกพลังออกงานได้มากขึ้นเรื่อยๆ
การดูดพลังจากเหล็กไหลในไว้ในตัว
อย่างแรกให้สังเกตลมหายใจเข้าออกก่อน จนคิดว่าเราสามารถหายใจเข้าออกได้เบาในระดับหนึ่งแล้ว ทีนี้ให้สังเกตช่วงที่หายเข้าออกนั้น บริเวณมือเราทั้งสองข้างมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง (แนะนำให้ปิดพัดลมและหน้าต่างให้หมดก่อนจะได้สังเกตได้ง่ายขึ้น) อาการที่เกิดขึ้นคือสังเกตุว่า...
1. ขณะหายใจเข้าจะรู้สึกว่ามีกระแสบางอย่างดูดเข้ามาอยู่ในมือ
2. ขณะหายใจออกจะรู้สึกว่ามีกระแสบางอย่างถูกปล่อยออกไปทางฝ่ามือ
หรือจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังยืดออกและหดเข้าจากปลายนิ้วและฝ่ามือ
พูดง่ายๆ ก็คือจะรู้ได้ทางกายเนื้อเลยว่า มือเรากำลังหายใจเข้าออกอยู่พร้อมกับการหายใจเข้าออกทางจมูก แต่การหายใจเข้าออกทางฝ่ามือนี้ เป็นการดูดพลังงานรอบตัวเข้ามาและปลดปล่อยออกไป ในทษฤฏีเดียวกัน พลังของเหล็กไหลก็เช่นดียวกัน หากเรานำมาวางไว้บนฝ่ามือแล้วลองสังเกตดู จะรู้สึกได้ถึงพลังงานไฟฟ้าที่วิ่งเข้ามาตามเส้นเลือดต่างๆในช่วงที่หายใจเข้า และคายพลังงานที่ไม่ใช้ออกไป แล้วก็ดูดเข้ามาอีกเรื่อยๆแบบนี้ เพื่อดูดพลังงานมาสะสมไว้ และใช้เมื่อยามที่ต้องการ โดยจุดที่จะเอาไว้สะสมพลังงานนั้นก็มีอยู่หลายจุด แต่ตัวข้าพเจ้าเองจะรวบรวมเก็บไว้ที่ฝ่ามือมากกว่าเพราะสะดวกต่อการใช้งาน โดยพลังงานนี้สามารถใช้ในการเล่นฤทธิ์ช่วยคนและการรักษาคนก็ได้
(ถ้าสังเกตเทวดาที่มีฤทธิ์มากๆ ฝ่ามือจะมีสีแดงจัดที่บ่งบอกได้ถึงมีพลังงานจำนวนมากรวมตัวกันบริเวณฝ่ามือ)
การฝึกแบบนี้ ถ้าถามว่ามีประโยชน์ตรงไหน ก็ตอบแบบเข้าใจง่ายๆคือ สามารถดูดพลังงานใช้ได้เร็วกว่าเดิมเมื่อพลังงานของเราใกล้หมด เรียกว่ามีประโยชน์อย่างมาก เพราะการจะสะสมพลังงานด้วยตัวเองนั้นต้องอาศัยเวลาพอสมควร ไม่เหมือนกับการดูดพลังงานจากเหล็กไหลมาใช้ เพราะประหยัดเวลาและรวดเร็วกว่ามาก
เรียบเรียงโดย ๛ชมรมผู้สนใจพลังลี้ลับ๛.
การดูดพลังงานในทีนี้ คล้ายกับการขอบารมีจากสิ่งศักสิทธิ์ เมื่อเราขอบารมีไปแล้ว เราก็มีพลัง ความเป็นทิพย์ก็เพิ่ม แต่เมื่อพลังที่ขอมานั้นหมด ก็ต้องมีการขอมาใหม่เรื่อยๆ เพื่อให้ความเป็นทิพย์มีความเสถียรตลอดเวลา โดยสังเกตว่าเวลาที่เราขอบารมีจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาใช้นั้น เราจะสามารถรับได้ทางกายและใจเช่น จะมีอาการเย็นสบาย สงบ มีความสว่างไสวในจิตกว่าเดิมเป็นต้น และการขอบารมีจากสิ่งศักดิสิทธิ์จะรับทางจุดกลางหน้าผาก เพราะพลังจะวิ่งจากบนลงล่างจุดที่รับได้ง่ายที่สุดก็คือจุดบริเวณกลางหน้าผาก และบริเวณกลางกระหม่อม
แต่การดูดพลังจากเหล็กไหลเป็นการรับพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยตรง (เพราะนำมากำไว้ในมือเลย) โดยไม่ผ่านสื่อทางอากาศแต่อย่างใด ทำให้เราสามารถดูดซึมซับพลังได้ง่ายกว่า เพราะจิตมีสมาธิ มีการจดจ่อในวัตถุที่กำลังสัมผัส
***ในวิธีการดูดซึมซึบพลังนี้สามารถใช้ได้กับแร่กายสิทธิ์ทุกชนิด รวมถึงพระธาตุและวัตถุมงคล เพราะวัตถุมงคลส่วนใหญ่มักมีส่วนประกอบของแร่กายสิทธิ์ ที่นำมาเป็นส่วนผสมด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น