วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555

การตัดเหล็กไหลเผยแพร่สู่สาธารณชน

การตัดเหล็กไหลเผยแพร่สู่สาธารณชน

เรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหล็กไหลนั้นล้วนเป็นเรื่องราว ที่เร้นลับซับซ้อน เป็นที่น่าสนใจและน่าติดตามในมุมมองของคน โดยทั่วไป จนอาจกล่าวได้ว่าคนไทยมีความผูกพันใกล้ชิดกับธาตุ กายสิทธิ์ชนิดนี้มาก โดยจะเห็นได้จากพระเครื่องหรือวัตถุมงคล ในสมัยก่อนที่ต้องมีธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลปะปนเป็นมวลสารอยู่ บ้างไม่มากก็น้อย

ในราวปีพ.ศ.2537ได้มีรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งนำเสนอ เรื่องราวเกี่ยวกับการติดตามพิสูจน์เหล็กไหลว่ามีจริงหรือไม่แพร่ ภาพออกสู่สาธารณชนจนกลายเป็นประเด็นที่ประชาซนทั่วไปให้ ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยรายการดังกล่าวได้ไปถ่ายทำพิธีการ ตัดเหล็กไหลตามถ้ำต่างๆในประเทศไทย และนับเป็นครั้งแรกที่พิธีกรรมทางไสยศาสตร์อันเร้นลับได้ถูกเปิดเผยสายตาของประชาชน

พิธีกรรมการตัดเหล็กไหลที่ได้ไปบันทึกภาพในครั้งนั้นได้ กระทำขึ้นที่ถํ้าแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี โดยมีบุคคลจากหลากหลาย สาขาอาชีพเข้าร่วมในการพิสูจน์และเป็นสักขีพยานด้วย อาจารย์ผู้ประกอบพิธีกรรมในการตัดเหล็กไหลครั้งนั้นก็เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ในการตัดเหล็กไหลเป็นอย่างมาก ซึ่งในครั้งนั้นท่านก็พร้อมที่จะร่วมพิสูจน์และให้ความร่วมมือในการถ่ายทำเป็นอย่างดี

การตัดเหล็กไหลในครั้งนั้นเป็นการตัดเหล็กไหลน้ำหนึ่ง ที่ไม่แข็งตัวเองตามธรรมชาติโดยการใช้กสิณไฟตัดด้วยเทียน เพียงเล่มเดียว ผู้ทำพิธีได้ไต่ปันไดไม้ไผ่ขึ้นไปจนถึงบริเวณก้อนหิน ที่เหล็ก1ไหลซ่อนตัวอยู่แล้วใช้เทียนลนไปยังบริเวณรังเหล็กไหล

ในเวลาไม่นานก็ปรากฏวัตถุอย่างหนึ่งที่มีสีดำเป็นมันเงาเคลื่อนที่ไปมา คล้ายของเหลวได้ยืดตัวออกมาจากซอกหินบริเวณที่ถูกเทียนลน ต่อหน้าสักขีพยานเป็นจำนวนมาก ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเห็น เหมือนกันหมดว่าของเหลวสีดำนั้นเริ่มยืดตัวออกมาจากรังที่มีสีแดง ราวกับโดนไฟที่มีความร้อนจัดแผดเผา จากนั้นของเหลวสีดำดังกล่าว ก็หลุดตัวออกมาจากซอกหินตกลงมายังผ้าขาวที่ได้เตรียมรับเอาไว้ด้านล่าง

ข่าวเหล็๋กไหลในกลุ่มของสักขีพยานเหล่านั้นล้วนประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักธรณีวิทยา ตลอดจนเจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรธรณี ทุกคนในที่ นั้นต่างก็ช่วยกันพิจารณาเหล็กไหลชิ้นที่ตัดมาได้ และทุกคนต่างก็ ยอมรับถึงสิงที่ได้ปรากฏแก่สายตาตัวเองว่าเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ และไม่สามารถหาคำตอบในทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เลยคณะพิสูจน์เหล็กไหลจึงได้นำเหล็กไหลชิ้นที่ตัดมาได้ไปตรวจพิสูจน์ ที่กรมทรัพยากรธรณีเพื่อที่จะได้ทราบว่าวัตถุชิ้นนี้คืออะไรกันแน่

ผลการตรวจสอบเหล็กไหลที่ได้จากการทำพิธีตัดในครั้งนั้น ปรากฏว่าวัตถุที่ได้นั้นไม่ใช่วัตถุธาตุบนโลก แต่มีลักษณะเหมือนกับ สะเก็ดดาวหรืออุกกาบาตที่ตกลงมายังโลกอันเป็นวัตถุธาตุที่อยู่ ในห้วงจักรวาลที่เดินทางผ่านกาลเวลาและระยะทางอันแสนยาวนาน มาจากนอกโลกกว่าจะเดินทางมาถึงยังโลกของเรา

อันที่จริงก็ยังมืวัตถุธาตุจากห้วงอวกาศที่เดินทางเข้ามายัง โลกอีกหลายชนิด บางชนิดเดินทางลงมาเป็นลำแสงแต่ไม่สามารถ หาตัววัตถุเหล่านั้นได้พบ บางชนิดที่มีขนาดใหญ่มากจึงไม่สามารถ เดินทางเข้ามายังชั้นบรรยากาศของโลกได้ด้วยวิธีการธรรมดา ดังนั้นการที่จะสามารถเดินทางมายังโลกได้ต้องอาตัยการเดินทางผ่านประตูมิติเวลา เนื่องจากการเดินทางผ่านประตูแห่งกาลเวลา จะทำให้เงื่อนไขของเวลาและระยะทางหมดไป

จากผลการพิสูจน์ที่ออกมายิ่งทำให้คณะพิสูจน์เหล็กไหลและ กลุ่มสักขีพยานไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าแท้ที่จริงแล้วเหล็กไหล คืออะไรกันแน่ เพราะหากธาตุชนิดนี้ไม่ใช่วัตถุธาตุบนโลกแล้วเหล็กไหล เดินทางมาจากที่ไหนและมาบนโลกเพื่อวัตถุประสงค์อะไร? นอกจากนี้ทางรายการยังได้แพร่ภาพพิธีกรรมการตัดเหล็กไหล ณ สถานที่อื่นๆอีกหลายครั้ง ซึ่งผลปรากฏว่าเหล็กไหลที่ได้ก็มีลักษณะที่ใกล้เคียงกันคือเป็นของเหลวสีดำเป็นมันเงาสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้ราวกับเป็นสิงที่มีชีวิตเมื่อโดนไฟลนก็จะสามารถยืดตัวและหดตัวได้ เหล็กไหลน้ำหนึ่งนั้นจะมีลักษณะรูปพรรณสัณฐานเป็นของเหลวคล้ายปรอทและไม่ยอมแข็งตัวเองตามธรรมชาติ จนกระทั่งถูกตัดออกมาจากรังแล้วจึงจะแข็งตัว เหล็กไหลน้ำหนึ่งมีหลากหลายสีด้วยกัน แต่เท่าที่เคยพบก็มีสีดำ สีท้องปลาไหล สีเขียวอมดำ เขียวหัวเป็ด เขียวอมทอง เขียวปีกแมลงทับ สีน้าเงินอมดำ และไม่มีสี (เป็นแก้วใส)

แม้ว่าจะเคยมีรายการทางโทรทัศน์ได้เผยแพร่เรื่องราว เกี่ยวกับเหล็กไหลไปแล้วก็ตาม หากแต่เรื่องราวของเหล็กไหลนั้น ก็ยังคงเป็นเรื่องที่วิทยาศาสตร์ไม่อาจหาคำตอบให้ได้และยังคง เป็นสิ่งที่เหนือความรู้และความคิดของคนโดยทั่วไปอีกมาก แต่ทั้งนี้ มิได้หมายความว่าเหล็กไหลจะเป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติ หรือขัดต่อหลักของธรรมชาติแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าวิทยาการความเบนโลกเรา ยังไม่อาจเข้าใจธาตุกายสิทธื้ที่มาจากนอกโลกชนิดนี้ได้ จึงมีเรื่องราว อันเร้นลับอีกมากมายของเหล็กไหลที่มนุษย์ยังคงไม่รู้

1 ความคิดเห็น:

  1. แถวบ้านผมมีเต็มเลยหินแบบนี้ ภาษา ส่วย เรียกว่า ตะเมาต๋าก

    ตอบลบ